ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ! ฝุ่นPM2.5 สูดดมมากเสี่ยงกระปู๋ไม่แข็ง


แพทย์ห่วงคนกรุงอย่าละเลยป้องกันสูดดมฝุ่นควันพิษ PM2.5 ฟุ้งทั่วเมือง ชี้กระทบหลอดเลือดเสี่ยงโรคหัวใจ ระบุสัมพันธ์ภาระนกเขาไม่ขัน การแข็งตัวเสื่อมสภาพ เตือนโดยเฉพาะชายหนุ่มป่วยเบาหวาน

สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพฯ ก็คงต้องเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด อย่างล่าสุดกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประเทศไทย) เครือข่ายองค์กรรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ออกมาเปิดเผยสถิติค่อนข้างน่าสนใจ การจัดอันดับเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก ซึ่งกรุงเทพฯ ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ใน 10 รั้งท้ายลำดับที่ 9 ของเมืองที่คุณภาพอากาศเลวร้าย แต่คนกรุงส่วนใหญ่กลับยังไม่ตื่นตัวอะไรเลย

ในวันนี้จึงมีสาระดีๆ เรื่องฝุ่นควันและผลกระทบมาฝากผู้อ่านให้ได้ทราบถึงผลที่จะตามมาว่าเป็นอย่างไร โดยแฟนเพจ “Kapooman” ของนพ.วิทวัส ศิริประชัย อดีตแพทย์รพ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เรื่องจากป่วยโรคเบาหวาน ให้ข้อมูลว่า อนุภาคขนาดเล็ก PM2.5 ที่กำลังลอยฟุ้งทั่วเมืองหลวงในเวลานี้ นอกจากผลต่อปอดแล้ว รู้หรือไม่ว่ายังมีผลต่อหลอดเลือด และหัวใจโดยตรง เมื่อสูดดมฝุ่นควัน PM2.5 เข้าไป จะทำให้เส้นเลือดเสื่อมสภาพได้ หรือเส้นเส้นเลือดเปราะแข็งหรือตีบตันเกิดไวขึ้น ซึ่งมีงานวิจัยชัดเจนว่าคนที่สัมผัส PM2.5 ในปริมาณมาก เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมอง สูงกว่าคนที่ไม่ได้สัมผัส และยังมีความสัมพันธ์กับเรื่องกระปู๋เช่นกัน ถ้าเส้นเลือดมีปัญหา เช่น คนที่เป็นเบาหวานมากๆ คุมไม่อยู่แล้วเส้นเลือดเริ่มเสื่อม จะมีปัญหากระปู๋ไม่แข็งตัวได้ จึงมีนักวิจัยศึกษากันว่า การสัมผัสกับ PM2.5 เข้าไปจะมีผลต่อการแข็งตัวของกระปู๋หรือไม่

นพ.วิทวัส ยังระบุอีกว่า เบื้องต้นพบว่าการสัมผัสมลภาวะทางอากาศที่ค่าฝุ่นภายใต้ PM2.5 มีแนวโน้มสัมพันธ์กับภาวะนกเขาไม่ขัน ซึ่งขณะนี้นักวิจัยกำลังศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาความสัมพันธ์กันแบบชัดๆ ดังนั้นรีบแก้ไขปัญหา PM2.5 ให้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลว่า หลายคนสอบถามหน้ากากที่ขายตามร้านสะดวกซื้อ แล้วอ้างว่าป้องกัน PM2.5 ได้นั้นจริงหรือไม่ โดยวิธีสังเกตคือถ้าเป็นพวกหน้ากาก N95 คือกรองได้มากกว่า 95% จะครอบตรงปากจมูกแบบมิดชิด ซึ่งเวลาหายใจผ่านหน้ากากจะไม่มีอากาศจากภายนอกเล็ดลอดผ่านขอบหน้ากากเข้ามาได้ ลมหายใจเข้าออกจะผ่านหน้ากากเท่านั้น ถ้าเป็นหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากทรงเดียวกับหน้ากากอนามัย จะไม่สามารถทำแบบนี้ได้ ที่สำคัญถ้าใช้ N95 หรือหน้ากากแนวๆ เดียวกันต้องใส่ให้ถูกวิธี ถ้าใส่ไม่ถูกไม่มิดชิดก็ไม่ช่วยป้องกันจาก PM2.5 ดังนั้นควรกดโครงลวดด้านบนของหน้ากากให้แนบสันจมูกด้วย

อย่างไรก็ตามผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายราย ได้โพสต์คลิปและรูปภาพลงบนสื่อออนไลน์ รายงานสภาพอากาศขณะเดินทาง ซึ่งไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นหมอกหรือเป็นฝุ่นพิษ PM2.5 รวมถึงแฟนเพจ “Avarin Running and Triathlon” ออกมาเตือน นักวิ่ง นักไตรกีฬา อย่าได้ประมาทและคิดว่าไม่อันตราย บางทีการที่เราออกกำลังในฟิตเนสก็ไม่ทำให้ความฟิตลดลง ดีกว่าออกกำลังกายกลางแจ้งแล้วป่วยหรือทำลายสุขภาพ หลายท่านซึ่งเป็นนักกีฬาอาจจะยังตระหนักถึงอันตรายน้อยเกินไป ขณะเดียวกัน UNICEF ยังออกมาเปิดเผยโดยทวิตวิดีโอ พร้อมระบุว่า “นี่คือสิ่งที่อากาศเสียสามารถทำกับสมองของเด็กได้” ซึ่งอธิบายอนุภาค PM2.5 ผลเสียในระยะยาว โดยเฉพาะกับเด็กที่กำลังเติบโต.



ขอบคุณข้อมูล : @Avarin Running and Triathlon, @Kapooman, @UNICEF, @Housewife lifestyle วิถีแม่บ้าน 
https://goo.gl/U7D6xk